02/02/2025
📍ค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร👶🏻👧🏻
คือ ค่าใช้จ่ายที่ผู้ปกครอง(บิดามารดา) ต้องจ่ายเพื่อดูแลและเลี้ยงดูบุตรจนกว่าจะโตพอ หรือถึงอายุที่กฎหมายกำหนด เช่น ค่าอาหาร, เสื้อผ้า, การศึกษา, ค่ารักษาพยาบาล และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงดูบุตรจนบรรลุนิติภาวะหรือมีอายุครบ 20 ปี
บริบูรณ์ ซึ่งในบางกรณีอาจจะต้องจ่ายไปจนถึงบุตรจบระดับชั้นปริญญาตรี
การชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรเป็นเรื่องที่กำหนดไว้ใน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งระบุว่า “บิดามารดามีหน้าที่ในการเลี้ยงดูและอุปการะบุตรให้ได้รับการศึกษาที่เหมาะสม รวมถึงค่าใช้จ่าย อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงดูจนกว่าบุตรจะบรรลุนิติภาวะหากบุตรยังคงศึกษาอยู่”
หากบิดาหรือมารดาผู้ใดไม่สามารถตกลงกันในเรื่องค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร หรือ มีข้อพิพาทเกี่ยวกับการจ่ายค่าอุปการะ อาจต้องฟ้องร้องในศาลเพื่อขอให้ศาลตัดสินให้มีการชำระค่าอุปการะตามที่เห็นสมควรและสามารถดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายได้ ดังนี้
1. การเจรจาหรือไกล่เกลี่ย : หากบิดามารดามีความขัดแย้งกันในเรื่องค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร ควรพยายามเจรจาหรือไกล่เกลี่ยกันก่อน โดยอาจจะผ่านศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทครอบครัวที่ศาลหรือองค์กรที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาทางออกที่เหมาะสมแก่ทั้งสองฝ่าย
2. ฟ้องร้องในศาล : หากไม่สามารถตกลงกันได้ หรือไม่มีการจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรตามที่ตกลง บิดาหรือมารดาสามารถฟ้องคดีต่อศาล ขอให้ศาลสั่งให้บิดาหรือมารดา ผู้ที่ไม่จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร ต้องรับผิดชอบตามคำตัดสินของศาล เพื่อให้ศาลสั่งให้จ่ายค่าอุปการะบุตรตามสมควร
3. การบังคับคดี: หากมีคำพิพากษาหรือคำสั่งจากศาลให้จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรแล้ว แต่ผู้ที่ถูกสั่งให้จ่ายไม่ปฏิบัติตาม สามารถยื่นคำร้องขอให้ศาลบังคับคดี เช่น การหักเงินจากบัญชีธนาคาร หรือการยึดทรัพย์สินเพื่อให้จ่ายค่าอุปการะได้
ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว การจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรเป็นหน้าที่ที่ผู้ปกครอง(บิดามารดา)ต้องรับผิดชอบ หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ส่งเสียค่าอุปการะเลี้ยงดู หรือไม่มีการปฏิบัติตามข้อตกลงก็อาจต้องมีการดำเนินการทางกฎหมายเพื่อให้ได้รับความเป็นธรรมครับ
(อาแซงค์ขอยืมรูปน้องอาญ่ามาลงหน่อยนะ😆)
#สำนักกฎหมายนิติธรรมลือชาทนายความ
#ทนายแซงค์ #ทนายชลบุรี
#รับว่าความทั่วราชอาณาจักร