วินัยให้ออกอุทธรณ์ร้องทุกข์และคดีปกครองอื่นๆ

29/01/2025

:: บทความวิชาการ อุทาหรณ์คดีปกครอง ::
🚩เรื่อง ปลอมบันทึกจับกุม : เพิ่มข้อหาเพื่อช่วยให้ไม่ต้องบำบัดยาเสพติด เข้าข่ายทุจริตหรือไม่ !?

📚ถาม การที่ผู้บังคับการตำรวจนครบาลมีคำสั่งลงโทษไล่ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการ เหตุทุจริตต่อหน้าที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ?

👉ตอบ พนักงานสอบสวน (ผู้ฟ้องคดี) ไม่มีอำนาจหน้าที่ในการจัดทำบันทึกการจับกุมผู้ต้องหา การที่ผู้ฟ้องคดีได้จัดทำบันทึกการจับกุมขึ้นมาใหม่และได้เพิ่มความผิดฐานอื่น (เล่นการพนันทายผลฟุตบอล) นอกเหนือจากฐานเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย ตามบันทึกการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมในครั้งแรก รวมทั้งได้ลงลายมือชื่อแทนเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมในบันทึกการจับกุมที่ทำขึ้นใหม่ดังกล่าว ถือเป็นการปลอมบันทึกการจับกุม ส่งผลให้พนักงานอัยการไม่สามารถดำเนินการตามพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดฯ ได้ คงทำได้เพียงส่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งสามเป็นจำเลยต่อศาลจังหวัดเท่านั้น ซึ่งปรากฏว่าศาลจังหวัดได้มีคำพิพากษาจำคุก 3 เดือน ปรับ 6,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ทำให้จำเลยได้รับประโยชน์ไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดที่ต้องใช้ระยะเวลา 6 เดือน เป็นอย่างน้อย อันเข้าข่ายทุจริตต่อหน้าที่ราชการ คำสั่งลงโทษไล่ออกจากราชการจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว

🌐 อ่านเพิ่มเติม คลิก https://bit.ly/4jlaqqM
(คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อบ. 170/2567)

:: สำนักงานศาลปกครอง ::

29/01/2025

#ประชุมใหญ่ 📌📌
🚩ก่อสร้างไม่ถูกต้องตามแบบรูปรายการ
🚩เพราะทำตามความต้องการของประชาชน
🚩โดยไม่ดำเนินการแก้ไขแบบตามสัญญาจ้าง
🚩เป็นความบกพร่องของใคร ❓
📚คดีนี้ ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ผู้ฟ้องคดีได้รับคำสั่งแต่งตั้งเป็น #กรรมการตรวจการจ้าง โครงการก่อสร้างขยายผิวจราจรคอนกรีต เสริมเหล็ก พร้อมทางเดินเท้าและทางเข้า – ออก จึงมีอำนาจ #หน้าที่ในการตรวจรับมอบงานจ้าง ตามระเบียบและสัญญา
📚แต่ปรากฏว่า ผู้รับจ้างได้ทำการก่อสร้างทางเดินเท้า #ไม่เป็นไปตามแบบรูปรายการ ด้วยเหตุที่ #ประชาชน ที่อาศัยอยู่บริเวณโครงการก่อสร้างได้ทำหนังสือขอคัดค้านการทำทางเดินเท้าดังกล่าว
📚และนายกเทศมนตรี (ในขณะนั้น) ได้ #สั่งการในหนังสือคัดค้าน ว่า “ชอบ ได้ความประการใดให้รายงานให้ทราบด้วย”
📚ช่างผู้ควบคุมงาน จึงได้สั่งให้ก่อสร้างโดย #ปรับแก้จากแบบแปลน แม้ในสัญญาจ้างและแบบแปลนมิได้กำหนดไว้ แต่เห็นว่ามิได้ทำให้เทศบาลได้รับความเสียหาย และทำให้ประชาชนสองฝั่งถนนพอใจและได้รับความสะดวก
📚โดยเรื่องการแก้ไขแบบการก่อสร้าง ในชั้นการสอบสวนของ (คณะกรรมการ ปปช.) ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ พยานที่เป็นผู้บริหารของเทศบาลให้การ ว่า อดีตนายกเทศบาลได้ให้ถ้อยคำว่า ตนได้รับรายงานว่า ประชาชนบางส่วนไม่ต้องการทางเท้า ตนเห็นว่าเป็นความต้องการของประชาชนและเป็นประโยชน์ จึง #สั่งการด้วยวาจา ให้ช่างผู้ควบคุมงาน เจ้าหน้าที่พัสดุ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการให้ถูกต้อง คือ ต้องทำบันทึกเสนอเพื่ออนุมัติเปลี่ยนแปลงแบบรูปรายการละเอียดที่กำหนดในสัญญา
📚ประกอบกับรองนายกเทศมนตรี ผู้รับผิดชอบในเรื่องดังกล่าว ให้ถ้อยคำว่า ตนไม่ทราบว่ามีการดำเนินการตามที่สั่งการหรือไม่ และสาเหตุที่การก่อสร้างไม่เป็นไปตามแบบแปลนและสัญญา เนื่องจากชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้มีทางเท้า แต่ #ข้อเทศบัญญัติ งบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๕๐ #กำหนดให้ก่อสร้างแบบมีทางเท้า และเมื่อผู้รับจ้างจะทำการก่อสร้างประชาชนมีการคัดค้าน
🔸ศาลปกครองสูงสุด #โดยที่ประชุมใหญ่ เห็นว่า การจัดทำโครงการก่อสร้างที่พิพาทจะดำเนินการขึ้นได้ ย่อม #ต้องมีที่มาจากประชาชน ตามแผนพัฒนาเทศบาล ซึ่งแผนดังกล่าวต้องมาจากการรับฟังความต้องการของประชาชนในเขตเทศบาล
🔸โดยมีการลงพื้นที่ก่อนการจัดทำแผนและจะต้องมีบุคคล อาทิ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาชนในพื้นที่ และสมาชิกสภาเทศบาลซึ่งเป็นตัวแทนประชาชนในเขตเทศบาล หรือตัวแทนของฝ่ายบริหาร ลำพังเพียงเจ้าหน้าที่จะไม่ทราบสภาพพื้นที่จริงได้เท่ากับบุคคลดังกล่าว ที่จะต้องร่วมกันตรวจสอบและพิจารณาให้ตรงตามความต้องการของประชาชนในพื้นที่นั้น แล้วนำมาจัดทำเป็นโครงการ
🔸เมื่อจัดทำเป็นโครงการก่อสร้าง นายช่างผู้รับผิดชอบต้องสำรวจ ออกแบบ เพื่อประมาณการในการตั้งงบประมาณแล้วนำเสนอไปยังนายกเทศมนตรี จึงนำไปสู่การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี
🔸ซึ่งงบประมาณนี้จะต้องมีรายละเอียดอันประกอบไปด้วย โครงการ แบบแปลนก่อสร้าง วงเงินก่อสร้าง (ประมาณราคาก่อสร้าง) ที่อยู่ในร่างงบประมาณรายจ่าย ประจำปี เพื่อนำเสนอต่อสภาเทศบาล
🔸ดังนั้น #สภาเทศบาล ย่อมมีอำนาจหน้าที่ที่จะต้อง #พิจารณาโครงการงบประมาณ ตามวาระที่กำหนดไว้ เมื่อพิจารณาโดยรอบคอบแล้ว ย่อมมีอำนาจที่จะ #ตัด #ลดทอน รายละเอียดก่อนจะถึงวาระที่สาม ที่จะลงมติเห็นชอบแล้วเสนอเป็นงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอน
🔸ดังนั้น เมื่อโครงการที่พิพาทผ่านเป็นข้อเทศบัญญัติ เมื่อนำไปสู่การปฏิบัติในพื้นที่ปฏิบัติงานจริง ปรากฏว่า #ยังมีการคัดค้านของประชาชน อีก
🔸จึงเห็นว่า #โครงการก่อสร้างที่พิพาทมีความบกพร่อง ตั้งแต่ในชั้นจัดทำข้อเทศบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่มีการระบุแบบการก่อสร้างถนนให้เป็นทางเท้าทั้งหมด โดยไม่พิจารณาสภาพพื้นที่จริงและผลกระทบต่อประชาชน
🔸ดังนั้น การก่อสร้างที่ผู้รับเหมาช่างผู้ควบคุมงาน และคณะกรรมการตรวจการจ้างดำเนินการไปในลักษณะที่มีการปรับเปลี่ยน แบบการก่อสร้างให้มีทางเท้าเป็นช่วง ๆ นั้น ก็สืบเนื่องมาจาก #ความไม่รอบคอบ ในชั้น #จัดทำข้อเทศบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี และเกิดจากการ #ไม่ไปตรวจสอบสภาพพื้นที่จริง และ #รับฟังความเห็นของชุมชน ก่อนกำหนนกำหนดโครงการดังกล่าวในข้อเทศบัญญัติ
🔸จึงต้องรับฟังว่า มีเหตุผลพอสมควรที่ฝ่ายบริหารโดยนายกเทศมนตรีหรือรองนายกเทศมนตรีผู้รับผิดชอบ เห็นด้วยกับประชาชนผู้คัดค้านให้มีการแก้ไขแบบการก่อสร้างโครงการดังกล่าว เพียงแต่การดำเนินการ ในขั้นตอนถัดไปไม่ถูกต้องตามระเบียบของทางราชการ
🔸อันเป็นผลมาจากการสั่งการของ #นายกเทศมนตรี หรือ #รองนายกเทศมนตรี ผู้รับผิดชอบที่ #ไม่มีความชัดเจนเพียงพอ #ไม่มีการควบคุมและติดตาม นายช่างโยธาที่เกี่ยวข้องให้รายงานหรือดำเนินการให้ถูกต้อง #ตามข้อสั่งการ และระเบียบวิธีปฏิบัติในการดำเนินการแก้ไขแบบการก่อสร้าง
🔸กรณีจึงแสดงให้เห็นได้ว่า #ช่างผู้ควบคุมงาน #ไม่ได้ดำเนินการเองโดยพลการ แต่เป็นการดำเนินการตามคำสั่งของผู้บริหารเทศบาล
🔸ผู้ฟ้องคดีซึ่งเป็นคณะกรรมการตรวจการจ้างดำเนินการตรวจการจ้างไปในลักษณะที่มีการปรับเปลี่ยนแบบการก่อสร้างให้มีทางเท้าเป็นช่วง ๆ ตามความต้องการของประชาชน และฝ่ายบริหารแล้ว จึง #มิใช่การปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต แต่อย่างใด
🔸ประกอบกับ #ผู้ฟ้องคดีได้อ้างพยานผู้เชี่ยวชาญ ให้ดำเนินการ #คำนวณปริมาณวัสดุ และ #ประมาณราคาค่าก่อสร้าง ตามโครงการพิพาทอีกครั้ง พบว่า การก่อสร้างของผู้รับจ้างตามคำสั่งของช่างผู้ควบคุมงาน ทำให้มี #เนื้องานเพิ่มขึ้น จากแบบรูปตามสัญญาเดิม ซึ่งผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสี่ก็ไม่ได้โต้แย้งว่า การตรวจสอบดังกล่าวไม่ถูกต้องแต่อย่างใด
🔸กรณีจึง #ไม่ทำให้เทศบาลได้รับความเสียหาย แม้การที่ผู้ฟ้องคดีในฐานะกรรมการในคณะกรรมการตรวจการ จ้าง ได้ทำการลงนามรับรองการตรวจรับการจ้างว่า ผู้รับจ้างทำงานถูกต้องตามแบบรูปและรายการละเอียด ตามที่กำหนดในสัญญาจ้าง จะเป็นการ #ไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหาร ราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ.๒๕๓๕ ข้อ ๖๕ ก็ตาม
🔸แต่เมื่อการก่อสร้างที่ไม่เป็นไปตามแบบแปลนในสัญญา #เกิดจากการสั่งการด้วยวาจา ของผู้บริหารเทศบาลเพื่อ #ตอบสนองความต้องการของประชาชน ในพื้นที่ที่มีหนังสือคัดค้านการทำทางเท้า
🔸ดังนั้น จึงฟังไม่ได้ว่า การกระทำของผู้ฟ้องคดีเข้าข่ายเป็นความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการ ตามที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ได้มีมติชี้มูลความผิดแต่อย่างใด #อุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดีฟังขึ้น
🔷กรณีนี้ แม้ #ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง จะได้มีคำพิพากษา ว่า ผู้ฟ้องคดี #ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่เทศบาล ก็ตาม ศาลปกครองก็ #หาจำต้องถือข้อเท็จจริงตาม ที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาแต่อย่างใดไม่
🔷พิพากษา #กลับ คำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น เป็นให้ #เพิกถอนคำสั่งที่ลงโทษไล่ ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการ📌
#กรณีศึกษาจากคดีปกครอง 👍
⚖️คำพิพากษาศาลปกครองสุงสุด ที่ อบ. ๒๗๒/๒๕๖๗
#เนติกรท่านหนึ่งกล่าวไว้ 📌📌

29/01/2025

29/01/2025

@@@ #หนังสือแจ้งกำชับให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ไม่ใช่คำสั่งทางปกครอง@@@ #คดีแรกๆ
"๑. #อัยการยื่นฟ้องนาย ก. ตำแหน่งนายก อบต. กรณีป.ป.ช. ชี้มูลความผิดอาญา (ม.๑๕๑ ม.๑๕๒ และ ม.๑๕๗ ศาลอาญาคดีทุจริตฯ (ภาค๖) #ประทับรับฟ้องโดยไม่มีคำสั่งเป็นอย่างอื่น และต่อมา #ได้มีคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่า นาย ก. มีความผิดตามฟ้อง #นายอำเภอจึงได้มีหนังสือจำนวนสองฉบับ แจ้งให้นาย ก. หยุดปฏิบัติหน้าที่นายก อบต.
๒. #ต่อมานาย ก. เห็นว่า #หนังสือของนายอำเภอเป็นคำสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากไม่ให้สิทธิคนชี้แจง จึงยืนฟ้องนายอำเภอต่อศาลปกครองโดยขอให้ถอนหนังสือทั้งสองฉบับดังกล่าว #ศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฟ้อง
๓. #ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาสรุปได้ว่า เมื่อผู้ฟ้องคดีมิได้หยุดปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ประทับฟ้อง จนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่ามีความผิดตามฟ้อง การที่ผู้ถูกฟ้องคดีมีหนังสือสองแจ้งให้ผู้ฟ้องคดีหยุดปฏิบัติหน้าที่นายก อบต. #ถือเป็นเพียงการปฏิบัติหน้าที่ในการกำกับดูแล และ #เป็นการแจ้งยืนยันให้ผู้ฟ้องคดีหยุดปฏิบัติหน้าที่ ตามผลของมาตรา ๙๓ วรรคสอง ประกอบกับมาตรา ๘๑ แห่ง พ.ร.ป.ปปช. ๒๕๖๑ และแม้ผู้ถูกฟ้องคดีจะมิได้ดูแลให้ผู้ฟ้องคดีหยุดปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่ขณะที่ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ประทับฟ้อง แต่ยังคงมีหน้าที่จะต้องกำกับดูแลให้ผู้ฟ้องคดีหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามผลของกฎหมายอย่างเคร่งครัด จนกว่าจะมีคำสั่งให้ผู้ฟ้องคดีพ้นจากตำแหน่ง #หนังสือพิพาทจึงมิใช่คำสั่งทางปกครอง ตามมาตรา ๕ แห่ง พ.ร.บ.วิ.ปกครอง ๒๖๓๙ #ผู้ฟ้องคดีมิใช่ผู้เสียหาย และ #ไม่มีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครอง ตามมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองฯ ๒๕๔๒ #จึงมีคำสั่งยืนตามศาลปกครองชั้นต้นที่ไม่รับคำฟ้องนี้ไว้พิจารณา
#คำสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ ๑๐๑๔/๒๕๖๗
#ด้วยจิตคารวะ #เศรษฐพงศ์
https://www.facebook.com/share/p/1HP4gEdUMm/

28/01/2025

🙋Q&A จากความเห็นคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ตอนที่ 90 ‼️
📌ความเห็นฉบับ pdf : https://krisdika-my.sharepoint.com/:b:/g/personal/it_ocs_go_th/EcKJi2r1BNRBhrqyZDcI1rgBxY82lJIHQOHWWVXVucS3bQ?e=L6qTtN
#การสอบสวนทางวินัย #การพิจารณาทางปกครอง #การเตรียมการ #การดำเนินการของเจ้าหน้าที่ #คณะกรรมการสอบสวน #ผู้บังคับบัญชา #กระทำผิดวินัย #คำสั่งลงโทษทางวินัย

27/01/2025

@@ #การแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยในกรณีไม่มีนายก อปท.@@ ( #เวียนครั้งที่ ๖) #ใครยังงงอ่านตรงนี้
๑. #กรณีนายก อปท. พ้นจากตำแหน่ง #กฎหมายจัดตั้งทัองถิ่นบัญญัติให้ปลัด อปท. ปฎิบัติหน้าที่ของนายก อปท. #เท่าที่จำเป็น ดังนั้น #เมื่อมีกรณีจำเป็นต้องดำเนินการทางวินัย พนง.ท้องถิ่น ปลัด อปท. ผู้ปฎิบัติหน้าที่ของนายก อปท. ย่อมมีอำนาจแต่งตั้ง กก.สอบสวน เพื่อดำเนินการทางวินัยผู้ถูกกล่าวหาได้ (กฎหมายจัดตั้งท้องถิ่น + กฎหมายบุคคลท้องถิ่น)
๒. #ระหว่างนายก อปท. พ้นจากตำแหน่ง #ถ้ามีกรณีจำเป็นจะต้องแต่งตั้ง กก.สอบสวนวินัย ปลัด อปท.ผู้ปฎิบัติหน้าที่นายก อปท. #โดยที่เมื่อมีการดำเนินการทางวินัย ปลัด อปท. ผู้ถูกกล่าวหา ย่อมต้องเป็นผู้ที่จะอยู่ในบังคับของคำสั่งทางปกครองจากกระบวนการดำเนินการทางวินัย #จึงถือว่าเป็นคู่กรณี และ #ปลัด อปท. ผู้ปฎิบัติหน้าที่ของนายก อปท. #จึงต้องห้ามไม่ให้ทำการพิจารณาทางปกครอง ในเรื่องที่ตนเองเป็นคู่กรณี ตามมาตรา ๔ ประกอบมาตรา ๑๓(๑) แห่ง พ.ร.บ.วิ.ปกครอง
๓. #การดำเนินการทางวินัยกับปลัด อปท. ผู้ถูกกล่าวหา ตาม ๒. #จึงเป็นกรณีที่มีปลัด อปท. แต่ปลัด อปท. ไม่สามารถปฎิบัติหน้าที่ได้ #จำต้องให้ผู้รักษาราชการแทนปลัด อปท. ตามกฎหมายบุคคลท้องถิ่น #มารักษาราชการแทนปลัด อปท. #ปฎิบัติหน้าที่ของนายก อปท. ในการแต่งตั้ง กก.สอบสวน และดำเนินการทางวินัยกับปลัด อปท. ต่อไป
๔. #เนื่องจากกรณีตาม ๑. และ ๓. #ไม่ใช่กรณีนายก อปท. เป็นคู่กรณีกับ พนง.ท้องถิ่น ผู้ถูกกล่าวหา และไม่ใช่กรณีนายก อปท. ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดร่วมกับ พนง.ท้องถิ่น #จึงไม่ต้องเสนอ ก.จว. ตรวจสอบและมีมติคัดเลือก กก.สอบสวน ตามข้อ ๔๙ วรรคสี่ ของหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการสอบสวน แต่อย่างใด
๕. #กรณีตาม ๑. และ ๓. #ปัจจุบันไม่ต้องเสนอ ก.จว. #ก่อนใช้อำนาจเรื่องการบริหารงานบุคคลตามประกาศ คสช. ที่ ๘๕/๒๕๕๗ เพราะประกาศ คสช. ฉบับดังกล่าวได้ถูกเลิกเลิกไปแล้ว #ดังนั้นกรณีหนังสือสำนักงาน ก.จ. ด่วนที่สุด ที่ มท ๐๘๐๙.๒/ว ๘ ลว. ๑๗ มกราคม ๒๕๖๘ หน้าที่ ๕ ข้อ ๑๐. #ที่ให้ถือปฎิบัติตามหนังสือ ก.กลาง ที่ มท ๐๘๐๙.๖/ว ๔๖ ลว. ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๙ นั้น #จึงอยู่ในวิสัยที่จะถือปฎิบัติตามได้แต่เพียงตามข้อ ๑. ของหนังสือสำนักงาน ก.กลาง ฉบับดังกล่าว #ส่วนข้อ ๒. นั้น เมื่อประกาศ คสช. ถถูกยกเลิกไปแล้ว #จึงไม่ต้องถือปฎิบัติตามอีกแต่อย่างใด
#ด้วยจิตคารวะ #เศรษฐพงศ์
https://www.facebook.com/share/p/14n8E5Zfz5/

27/01/2025

แนวคำวินิจฉัยของศาลปกครอง
เล่มที่ 13 (พ.ศ.2566-2567)
https://bit.ly/4i7Yw2Z

27/01/2025

📣 เรื่องเด่นประเด็นดี by สสค. (EP. 5 ปี 68)

📍 การจัดสรรที่ดินและอาคารชุด (การละเลยต่อหน้าที่ไม่ใช้มาตรการบังคับทางปกครองกับผู้ฝ่าฝืนคำสั่งของคณะกรรมการจัดสรรที่ดิน)

การที่ผู้จัดสรรที่ดินไม่ดำเนินการตามคำสั่งของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินที่ให้ซ่อมแซมสนามเด็กเล่น สวนพักผ่อน รั้ว ให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ปกติ และให้จัดหาที่ดินและจัดสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียขึ้นใหม่พร้อมอุปกรณ์ให้ได้ขนาดตามแผนผัง โครงการ หรือวิธีการจัดสรรที่ดินที่ได้รับอนุญาต

คณะกรรมการจัดสรรที่ดินย่อมมีอำนาจในการใช้มาตรการบังคับทางปกครองตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามคำสั่งดังกล่าว

แม้คณะกรรมการจัดสรรที่ดินได้ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับผู้จัดสรรที่ดินแล้วก็ตาม แต่เมื่อคณะกรรมการจัดสรรที่ดินไม่ดำเนินการใช้มาตรการบังคับทางปกครองข้างต้น
จึงเป็นการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้า
เกินสมควร

📜 คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ. 907/2567 https://bit.ly/40otOux

27/01/2025

🏛️ สำนักงานศาลปกครองสุพรรณบุรี ขอเชิญเข้าร่วมโครงการเสริมสร้างธรรมาภิบาลสู่สังคมของสำนักงานศาลปกครองสุพรรณบุรี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ครั้งที่ 1

📌 หัวข้อ “ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐ”

👥 วิทยากรโดย
🔹 นายเชี่ยวชาญ สุขช่วย
อธิบดีศาลปกครองสุพรรณบุรี
🔹 นายปริญญา สวัสดิ์ดวง
ตุลาการศาลปกครองสุพรรณบุรี

📌 วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม 2568
🕒 เวลา 09.00 - 12.00 น.
🖥️ เข้ารับฟังการอบรม ผ่านระบบ 𝗖𝗶𝘀𝗰𝗼 𝗪𝗲𝗯𝗲𝘅 𝗠𝗲𝗲𝘁𝗶𝗻𝗴𝘀 และ 𝗙𝗮𝗰𝗲𝗯𝗼𝗼𝗸 𝗟𝗶𝘃𝗲 ของสำนักงานศาลปกครองสุพรรณบุรี

📍 ลงทะเบียนเข้าร่วมอบรม คลิก 👉🏻 https://shorturl.at/Nis14

🚩 ลิงก์รวมทุกอย่างเกี่ยวกับโครงการอบรมฯ คลิก 👉🏻 https://sites.google.com/view/spb-online1
--------------------------------
☎️ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
สำนักงานศาลปกครองสุพรรณบุรี
โทร. 035-432333 ต่อ 2203 2207 หรือ 2223

#อบรม #อบรมฟรี #อบรมออนไลน์ #ความรับผิดทางละเมิด #คดีปกครอง #ศาลปกครอง #ศาลปกครองสุพรรณบุรี

27/01/2025

27/01/2025

🚩กรณีศึกษา เรื่อง #การมอบอำนาจ
ของ #ผู้ว่าราชการจังหวัด 📌📌

📚คดีนี้ ศาลปกครองสูงสุด วินิจฉัยว่า #เจ้าหน้าที่ผู้ออกคำสั่งทางปกครอง จะต้องเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจในการออกคำสั่งทางปกครอง คือ เป็นเจ้าหน้าที่ผู้ดำรงตำแหน่งที่กฎหมายให้อำนาจในการออกคำสั่งทางปกครองในเรื่องนั้น หรือเป็นผู้ปฏิบัติราชการแทน หรือรักษาราชการแทนในตำแหน่งนั้นโดยชอบด้วยกฎหมาย

📚และต้องดำเนินการในเขตพื้นที่ที่ตนมีอำนาจตามกฎหมาย

📚ซึ่งการบรรจุและแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชำนาญการพิเศษ สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข นั้น กฎหมายกำหนดให้ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒) เป็นผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้งฯ

📚เมื่อสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเป็น #ราชการส่วนภูมิภาค สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข และโรงพยาบาลพระจอมเกล้า จังหวัดเพชรบุรี เป็น #หน่วยงานขึ้นตรงต่อสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งมีนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรีเป็นหัวหน้า

📚ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ จึงเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจในการ ดำเนินการคัดเลือกบุคคลที่จะเข้ารับการประเมินผลงาน เพื่อเลื่อนขึ้นแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษ ของโรงพยาบาลพระจอมเกล้า จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นข้อพิพาทในคดีนี้

📚อย่างไรก็ตาม โดยที่พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๓๘ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๓๙ บัญญัติให้ผู้ที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ประกาศ คำสั่ง หรือมติของคณะรัฐมนตรีในเรื่องใด อาจ #มอบอำนาจ ให้ผู้ดำรงตำแหน่งอื่นในส่วนราชการเดียวกันหรือส่วนราชการอื่น หรือ #ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ปฏิบัติราชการแทนได้

📚โดยผู้มอบอำนาจอาจกำหนดให้ผู้รับมอบอำนาจมอบอำนาจให้ผู้ดำรงตำแหน่งอื่นปฏิบัติราชการแทนต่อไปได้

📚แต่ในกรณีการมอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัด คณะรัฐมนตรีจะกำหนดหลักเกณฑ์ให้ #ผู้ว่าราชการจังหวัด ต้องมอบอำนาจต่อไป ให้ #รองผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัดหรือหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในจังหวัดก็ได้

📚ซึ่งพระราชกฤษฎีกา ว่าด้วยการมอบอำนาจ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๒๓ วรรคหนึ่ง (๑) บัญญัติให้กรณีที่มีการ มอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ปฏิบัติราชการแทน และ #อำนาจนั้นเกี่ยวกับราชการของส่วนราชการใด และส่วนราชการนั้น #ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในจังหวัด ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด #มอบอำนาจให้แก่หัวหน้าส่วนราชการ ที่เกี่ยวข้องในจังหวัดนั้น

📚เมื่อคดีนี้ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ได้มีคำสั่งมอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดปฏิบัติราชการแทนในเรื่องเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล ซึ่งรวมถึงการคัดเลือกบุคคลให้ส่งผลงานประเมินเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชำนาญการพิเศษ สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวง สาธารณสุข ที่อยู่ในจังหวัดที่รับผิดชอบและในราชการบริหารส่วนกลางที่มีสำนักงาน ตั้งอยู่ในส่วนภูมิภาค

📚ดังนั้น อำนาจในการดำเนินการคัดเลือกบุคคลที่จะเข้ารับการประเมินผลงาน เพื่อเลื่อนขึ้นแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษ ของโรงพยาบาลพระจอมเกล้า จังหวัดเพชรบุรี จึงเป็นอำนาจหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัด (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑)

📚หากผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ประสงค์จะมอบอำนาจในการดำเนินการคัดเลือกบุคคลดังกล่าว ซึ่งถือเป็นอำนาจในด้านการบริหารงานบุคคลของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรี ให้แก่ผู้ดำรงตำแหน่งอื่น

📚ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ก็ #ต้องมอบอำนาจ ให้แก่ #นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นหัวหน้าสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรี

📚โดยผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ #ไม่อาจมอบอำนาจให้รองผู้ว่าราชการจังหวัด ปฏิบัติราชการแทนในเรื่องดังกล่าวได้

📚ดังนั้น การที่รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี ในฐานะผู้ปฏิบัติราชการแทน ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ได้ลงนามในประกาศพิพาท

📚จึงเป็นการออกคำสั่งทางปกครองโดย #เจ้าหน้าที่ที่ไม่มีอำนาจ ตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙

📚ซึ่ง #ไม่อาจแก้ไขให้สมบูรณ์ได้ ตามมาตรา ๔๑ แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว 📌📌
⚖️คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ที่ อบ. ๔/๒๕๖๘

Cr: #เนติกรท่านหนึ่งกล่าวไว้ 📌📌

27/01/2025

@@@ #การสั่งกลับเข้าปฎิบัติหน้าที่หรือเข้ารับราชการ@@@ (ตาม ม.๙๓ ประกอบ ม.๘๖ ต้องทำอย่างไร)
๑. #เมื่อศาลอาญาทุจริตฯ ประทับรับฟ้องต้องหยุดปฎิบัติหน้าที่ เว้นแต่ศาลจะสั่งเป็นอย่างอื่น (ไม่ขอไม่สั่ง) ตามมาตรา ๙๓ ประกอบมาตรา ๘๑ แพ่ง พรป.ปปช.๒๕๖๑ #ทั้งนี้ ก.จ. ครั้งที่ ๑๑/๒๕๖๕ มีมติเห็นชอบตามแนวทางปฎิบัติตามความเห็น กก.วิ.ปฎิบัติ โดยให้ใช้วิธีการสั่งพัก/ให้ออกจากราชการไว้ก่อนแทน ( #เรื่องเสร็จที่ ๑๐๓๓/๒๕๖๕)
๒. #การสั่งพัก/ให้ออกจากราชการไว้ก่อน ตาม ๑. #ต้องได้รับความเห็นชอบจาก ก.จว. ก่อนออกคำสั่ง ตามข้อ ๕ วรรคหนึ่ง (๔) และวรรคสาม ของหลักเกณฑ์ให้ออกฯ ประกอบข้อ ๒๙ วรรคห้า ของหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวนฯ (เพราะเป็นการสั่งให้พ้รจากตำแหน่ง ต้องได้รับความเห็นชอบจาก ก.จว. ก่อน ตามหลักการในมาตรา ๑๕) #และโดยปกติต้องสั่งเป็นปัจจุบัน
๓. #กรณีศาลอาญาทูจริตฯ มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าว่าไม่ได้กระทำผิด (ต้องมีหนังสือรับรองคดีถึงที่สุดประกอบ) #ต้องมีการสั่งให้ผู้ถูกสั่งพัก/ให้ออกฯ กลับเข้าปฎิบัติหน้าที่หรือกลับเข้ารับราชการแล้วแต่กรณี ตามมาตรา ๙๓ ประกอบมาตรา ๘๖ แห่ง พรป.ปปช.๒๕๖๑
๔. #สำหรับการสั่งให้ผู้ถูกสั่งพัก/ให้ออกฯ กลับเข้าปฎิบัติหน้าที่หรือกลับเข้ารับราชการ ตาม ๓. #ต้องได้รับความเห็นชอบจาก ก.จว.ก่อน หรือไม่นั้น #ย่อมเป็นไปตามข้อ ๒๒ (๗) ประกอบ (๒) หรือ (๓) ของหลักเกณฑ์ให้ออกฯ แล้วแต่กรณี
#ด้วยจิตคารวะ #เศรษฐพงศ
https://www.facebook.com/share/p/18no4xQgTX/

26/01/2025

📍 “สิงคโปร์” กับการแก้ไขปัญหาฝุ่น “PM 2.5” ที่มาจากความเด็ดขาดของรัฐบาล
ไทยกับฝุ่น PM 2.5 เป็นปัญหาที่เกิดมาเนิ่นนาน เรียกได้ว่าเรื้อรัง ถ้าให้นับย้อนไปในอดีต ไทยพบปัญหาอากาศและฝุ่นควันตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 จากเขม่าของโรงสีข้าว กลิ่นศพ หรือแม้แต่ใน พ.ศ. 2464 หนังสือพิมพ์บางกอกไทมส์ ถึงกับเคยออกข่าวว่า สยามเป็นเมืองที่มีฝุ่นควันเยอะที่สุดในเอเชีย
ตัดภาพมาใน พ.ศ. 2568 คนไทยก็ยังต้องประสบปัญหาฝุ่นและหาวิธีรับมือกันต่อไป
ขณะเดียวกันก็มีประเทศหนึ่งไม่ใกล้ไม่ไกลไทย คือ “สิงคโปร์” ซึ่งแต่ก่อนนี้ก็ประสบปัญหาไม่ต่างจากไทย เนื่องจากสิงคโปร์ได้รับผลกระทบจากการเผาป่าและพืชไร่ในเกาะสุมาตราและเกาะบอร์เนียว ประเทศอินโดนีเซีย
ใน พ.ศ. 2556 “เมืองสิงโต” มีค่าฝุ่น PM 2.5 สูงถึง 417 ไมโครกรัม สูงกว่าระดับที่องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดไว้ว่าปลอดภัยที่ 37.5 ไมโครกรัม
📍 ทว่าปัจจุบันปัญหาฝุ่นหมอกควันในสิงคโปร์ลดลงมากกว่าแต่ก่อน… เขาแก้ไขปัญหานี้ให้ลดลงได้อย่างไร?
แม้ปัญหาของสิงคโปร์จะมาจากประเทศรอบข้างเป็นหลัก แต่รัฐบาลสิงคโปร์ก็ไม่นิ่งเฉย ออกมาตรการหลายอย่างเพื่อให้คนในประเทศของตนเองมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และได้สูดอากาศบริสุทธิ์เท่าที่จะเป็นไปได้
รัฐบาลสิงคโปร์เริ่มต้นด้วยการบีบบังคับบริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศตนเอง ที่ให้การสนับสนุนบริษัทปาล์มน้ำมันและอุตสาหกรรมผลิตเยื่อกระดาษในต่างแดน และออก “กฎหมายหมอกควันข้ามพรมแดน” (Transboundary Haze Pollution Act) บังคับใช้ตั้งแต่ พ.ศ. 2557 เพื่อควบคุมการดำเนินธุรกิจสวนปาล์มน้ำมันในอินโดนีเซีย ที่มีที่ตั้งในสิงคโปร์ โดยไม่ให้เผาป่าเพื่อบุกเบิกพื้นที่การเกษตร ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาหมอกควันข้ามพรมแดน
นอกจากนี้ บริษัทใดที่มีส่วนสร้างหมอกควันพิษดังกล่าวจะต้องรับผิดชอบในทางอาญาและแพ่ง รวมไปถึงบริษัทที่รับซื้อปาล์มน้ำมันหรือเกี่ยวข้องทั้งทางตรงและอ้อม ชาวสิงคโปร์สามารถฟ้องได้
ไม่เพียงแค่นั้น… สิงคโปร์ยังใช้มาตรการคว่ำบาตรสินค้าที่ทำลายสิ่งแวดล้อม อย่างในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2558 สภาสิ่งแวดล้อมแห่งสิงคโปร์ระงับการใช้ฉลากเขียวหรือฉลากสิ่งแวดล้อมของ Universal Sovereign Trading ผู้จัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวของบริษัท Asia Pulp & Paper Group (APP) ซึ่งเป็นผู้ผลิตเยื่อและกระดาษของอินโดนีเซีย เนื่องจากบริษัทดังกล่าวมีข้อสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการเผาป่าในอินโดนีเซีย
นี่ยังไม่รวมกับการแก้ปัญหาอื่น ๆ อีกเช่น การสร้างความร่วมมือระดับภูมิภาค ผ่าน ข้อตกลงอาเซียนว่าด้วยมลพิษจากหมอกควันข้ามพรมแดน หรือสนับสนุนเรื่องเทคโนโลยี เกี่ยวกับไฟป่าหรือเกษตรกรรมให้เพื่อนบ้านอีกด้วย
ทั้งหมดนี้เป็นการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่เกิดขึ้นในสิงคโปร์ ซึ่งได้ผลอย่างดีเยี่ยม เพราะฝุ่นควันในสิงคโปร์ลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ประเทศไทยกลับกำลังเผชิญกับฝุ่นควันมากมายในระยะยาว ส่งผลเสียต่อสุขภาพของประชาชนและสัตว์ ซึ่งเป็นปัญหาที่ยังไม่สามารถแก้ไขได้ ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคกี่สมัยแล้วก็ตาม
📍 อ่านเวอร์ชันเว็บไซต์ : (https://www.silpa-mag.com/history/article_147110)
ภาพ : บรรยากาศกรุงเทพฯ ขณะเผชิญปัญหาฝุ่น PM 2.5
#ฝุ่น #ไทย #สิงคโปร์ #ศิลปวัฒนธรรม

26/01/2025

:: บทความวิชาการ อุทาหรณ์คดีปกครอง ::
🚩เรื่อง อ้างว้าง หรือ อ้างว่า ? : ข่มขู่ภรรยาผู้ต้องขังให้จัดหาหญิงบริการ แต่แก้ต่างว่าเป็นสายข่าว !
📚ถาม การที่อธิบดีกรมราชทัณฑ์มีคำสั่งลงโทษไล่ผู้ฟ้องคดีซึ่งปฏิบัติหน้าที่นักวิชาการสาธารณสุขอยู่ที่สถานพยาบาลของเรือนจำออกจากราชการ เนื่องจากข่มขู่ภรรยาของผู้ต้องขังให้จัดหาผู้หญิงมาบริการ ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ?
👉ตอบ พฤติการณ์ของผู้ฟ้องคดีถือเป็นการกระทำข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการ ไม่กระทำการใด หรือยอมจำนนต่อสิ่งใด โดยทำให้ผู้ต้องขังและภรรยาเกิดความหวาดกลัวว่าผู้ต้องขังในเรือนจำจะได้รับความเดือดร้อนต่อร่างกายและจิตใจ ทั้งนี้ แม้จะเป็นการกระทำนอกเวลาราชการ แต่ได้อาศัยตำแหน่งหน้าที่แสวงหาประโยชน์ส่วนตน ใช้อำนาจเหนือผู้ต้องขังในเรือนจำ ย่อมก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของตำแหน่งหน้าที่ราชการ และต่อชื่อเสียงของกรมราชทัณฑ์ในสายตาของบุคคลภายนอกอย่างร้ายแรง อันเป็นการกระทำที่เป็นที่รังเกียจของสังคม ถือเป็นการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานไม่รักษาชื่อเสียงของตน และไม่รักษาเกียรติศักดิ์ของตำแหน่งหน้าที่ราชการของตนไม่ให้เสื่อมเสีย อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง และฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 82 (10) ประกอบมาตรา 85 (7) และมาตรา 85 (4) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
🔹ดังนั้น การที่อธิบดีกรมราชทัณฑ์มีคำสั่งลงโทษไล่ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการ และคำวินิจฉัยยกอุทธรณ์ของ ก.พ.ค. จึงชอบด้วยกฎหมาย
🌐 อ่านเพิ่มเติม คลิก https://bit.ly/3C8Tm6U
(คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ ฟบ. 28/2567)
Cr :: $สำนักงานศาลปกครอง ::

26/01/2025

@@@ #สภาพร้ายแรงในกระบวนการดำเนินการทางวินัย@@@
๑. #เคยเป็น กก.สืบสวน แล้วมาเป็น กก.สอบสวน คนละกระบวนการ ถ้า จนท. ไม่มีพฤติการณ์อื่น ลำพังกรณีดังกล่าว #ไม่ถือว่ามีสภาพร้ายแรง ตามมาตรา ๑๖ ( #คนเยอะแยะตั้งคนอื่นเถอะครับ)
๒. #เคยเป็น กก.สอบสวน ( #รวมผู้สั่งแต่งตั้ง กก.สอบสวน ที่จะต้องพิจารณาด้วย) แล้วไปเป็น กก. อนุ กก. พิจารณาตรวจสอบความชอบการสอบสวนเรื่องเดิมอีก #ถือว่ามีสภาพร้ายแรง ตามมาตรา ๑๖ และ
๓. #จนท. ที่เคยทำหน้าที่สอบสวน พิจารณา และตรวจสอบความชอบการสอบสวน ทำหน้าที่ในการพิจารณาอุทธรณ์อีก #ถือว่ามีสภาพร้ายแรง ตามมาตรา ๑๖ ( #เว้นมี กม. กำหนดไว้เป็นการเฉพาะ)
๔. #กรณีตามข้อ ๑. - ๓. เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย #ศาลยกขึ้นเองได้
#เทียบเคียง ปญ.ศปค.สส ครั้งที่ ๑๗/๒๕๖๕
#ด้วยจิตคารวะ #เศรษฐพงศ์
https://www.facebook.com/share/p/1A4d88PaiF/

26/01/2025

#อีกหนึ่งผลงานทางวิชาการที่ภาคภูมิใจ ของนายเศรษฐพงศ์ แหล่งสท้าน ที่ได้มีโอกาสจัดทำเอกสารบทความทางวิชาการเกี่ยวกับ " #ปัญหาในทางปฎิบัติเกี่ยวกับการระงับข้อพิพาทในคดีปกครองด้วยการไกลเกลี่ยข้อพิพาท" ในบริบทของ อปท. ในนาม สถ. เพื่อเสนอต่อ #ที่ประชุมการสัมมนาทางวิชาการ เรื่อง ปัญหาในทางปฎิบัติเกี่ยวกับการระงับข้อพิพาทในคดีปกครองด้วยการไกลเกลี่ยข้อพิพาท #ของสำนักงานศาลปกครอง เมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๖๗
#บทสรุปและข้อเสนอแนะตามภาพเอกสาร
https://www.facebook.com/share/p/1B4WqiizTL/
เอกสารบทความทางวิชาการเรื่องดังกล่าว
https://drive.google.com/file/d/1Ln4kag1oQDVVR77Zr5fFPTumCgylYNpF/view?usp=drive_link

25/01/2025

#การสัมมนาทางวิชาการ เรื่อง "ปัญหาในทางปฎิบัติเกี่ยวกับการระงับข้อพิพาทในคดีปกครองด้วยการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท" (๒๐ ก.ย. ๒๕๖๗)
#นายเศรษฐพงศ์ แหล่งสท้าน ผู้อำนวยการกลุ่มงานวินัย ได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการกองการเจ้าหน้าที่ให้จัดทำบทความทางกฎหมายและเข้าร่วมสัมมนาทางวิชาการ โดยบทความดังกล่าวได้รับการคัดเลือกให้เสนอเป็นข้อมูลเสนอในการประชุมสัมมนา (เนื้อหาตามภาพถ่ายเอกสารด้านล่าง) รวมทั้งได้มีโอกาสเสนอความเห็นในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติงาน
#วันที่ ๔ ก.พ. ๒๕๖๘ จะมีการประชุมสัมมนาอีกครั้ง (น่าจะติดตามการบ้านจากส่วนราชการต่างๆที่ได้รับมอบหมายจากการสัมมนาครั้งที่แล้ว)

25/01/2025

#ทางของฝุ่น...กรมอนามัยว่า " #ท้องถิ่นทำได้"